การประชุมครั้งนี้ได้ให้การรับรองรายงานการประชุมครั้งที่ผ่านมา และรับทราบรายงานผลการตรวจสอบเชิงลึกอย่างเข้มข้นของชุดปฏิบัติการตรวจสุดซอยของกระทรวงอุตสาหกรรม ระหว่างเดือนธันวาคม 2567 – พฤษภาคม 2568 ซึ่งครอบคลุมโรงงานผลิตเหล็ก โรงงานรีไซเคิล โดยเฉพาะกลุ่มที่มีการดำเนินการกับขยะอิเล็กทรอนิกส์ กากอุตสาหกรรมอันตราย ที่รับการร้องเรียนจากประชาชน โดยที่ประชุมฯ ได้มีมติให้เร่งรัดการดำเนินการด้านกฎหมาย รวมถึงพิจารณาทบทวนใบอนุญาตประกอบกิจการสำหรับโรงงานที่ฝ่าฝืนกฎระเบียบซ้ำซาก และปรับปรุงกระบวนการผลิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ทั้งนี้ ได้พิจารณาข้อมูลโรงงานเหล็กที่ใช้เตาเหนี่ยวนำ (Induction Furnace - IF) ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิด “ฝุ่นแดง” ปริมาณสูง โดยฝุ่นแดงจัดเป็นวัตถุอันตรายประเภทที่ 3 หากไม่มีการจัดการที่เหมาะสม อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนอย่างรุนแรง รวมทั้งยังพบปัญหาผลิตภัณฑ์เหล็กไม่ได้มาตรฐาน มอก. จากกระบวนการผลิตด้วยเตาหลอมดังกล่าวบ่อยครั้ง ซึ่งอาจเกิดจากการใช้เศษเหล็กในการผลิต และไม่ได้ผ่านกระบวนการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด
ที่ผ่านมา “ทีมสุดซอย”กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานเหล็กที่ใช้เตา IF ในหลายจังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง ปราจีนบุรี สระแก้ว และนครราชสีมา รวมจำนวน 11 โรง พบว่า หลายแห่งยังไม่มีระบบกำจัดฝุ่นที่มีประสิทธิภาพ หรือขาดการบันทึกข้อมูลการจัดการฝุ่นแดงอย่างโปร่งใส อีกทั้งจะเดินหน้าตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นกับโรงงานที่ละเมิดกฎหมาย โดยมีจำนวนผลิตภัณฑ์ที่ดำเนินการอายัด รวมจำนวนทั้งสิ้น 2,883,422 หน่วย มูลค่ารวมประมาณ 543,662,135.96 บาท และได้เก็บตัวอย่างส่งทดสอบ ขณะนี้อยู่ระหว่างประเมินผลการตรวจสอบผลิตภัณฑ์เพื่อประกอบการดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมเร่งกำหนดแนวทางการจัดการของเสียและควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้ชัดเจน โดยจะประสานงานกับ กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) และสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เพื่อจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบาย และกำหนดทิศทางการดำเนินคดีในกรณีพบการฝ่าฝืนกฎหมายสิ่งแวดล้อม กฎหมายโรงงานฯ และพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค และสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศต่อไป